การปฏิวัติเอดิสัน พ.ศ. 2443 และความพยายามในการฟื้นฟูอธิปไตยของฟิลิปปินส์, การต่อสู้เพื่อเอกราชจากสเปน
ในปี ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) ประเทศฟิลิปปินส์ได้ลุกขึ้นสู้รบกับการปกครองของสเปน ซึ่งเป็นอาณานิคมที่ครอบครองดินแดนนี้มานานกว่า 300 ปี การปฏิวัติฟิลิปปินส์นำโดยอันเดรส โบนีฟาซิโอและเอมิลิโอ อากูยಿನัลโ dorsaldo นำไปสู่การต่อสู้ที่ดุเดือด และทำให้เกิดความหวังสำหรับชาวฟิลิปปินส์ในการมีอิสรภาพ
หลังจากการล่มสลายของสเปนในสงครามกับสหรัฐอเมริกา สหพันธรัฐฟิลิปปินส์ได้ประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2440 อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก ได้เข้ายึดครองฟิลิปปินส์ และปฏิเสธการยอมรับความเป็นอิสระของประเทศ
การยึดครองของสหรัฐฯ นำไปสู่ความตึงเครียดและความไม่พอใจในหมู่ประชาชนฟิลิปปินส์ พวกเขาเห็นว่าสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ต่ออายุอาณานิคมแทนที่จะเป็นผู้ให้เสรีภาพ
ในปี ค.ศ. 1899 (พ.ศ. 2442) สงครามฟิลิปปินส์–อเมริกาได้เริ่มต้นขึ้น การสงครามครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยาวนานและโหดร้ายระหว่างกองทัพของฟิลิปปินส์และกองทัพของสหรัฐอเมริกา
ในช่วงปี พ.ศ. 2443 เกิดเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “การปฏิวัติเอดิสัน” ซึ่งเป็นการลุกขึ้นต่อต้านการยึดครองของสหรัฐฯ โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายฟิลิปปินส์
สาเหตุของการปฏิวัติเอดิสัน
การปฏิวัติเอดิสันเกิดจากหลายสาเหตุ รวมทั้ง:
- ความไม่พอใจต่อการปกครองของสหรัฐอเมริกา: ชาวฟิลิปปินส์รู้สึกว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ให้เสรีภาพและความเป็นธรรมแก่พวกเขาเหมือนที่สหรัฐอเมริกาได้โอบอุ้มประเทศอื่นๆ
- ความต้องการเอกราช: ประชาชนฟิลิปปินส์มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีอำนาจปกครองตนเอง
ผลของการปฏิวัติเอดิสัน
แม้ว่าการปฏิวัติเอดิสันจะไม่ประสบความสำเร็จในการโค่นล้มการยึดครองของสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีส่วนสำคัญในการจุดประกายความตระหนักถึงความต้องการเอกราชในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ การปฏิวัติครั้งนี้ยังนำไปสู่การก่อตั้งขบวนการต่อต้านอาณานิคมที่แข็งแกร่งขึ้น
- การโหดร้ายของสงคราม: สงครามฟิลิปปินส์–อเมริกาเป็นสงครามที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายจากทั้งสองฝ่าย
เหตุการณ์ | ปี |
---|---|
การลุกขึ้นสู้รบครั้งแรกของฟิลิปปินส์ | พ.ศ. 2439 |
สงครามฟิลิปปินส์-อเมริกา | พ.ศ. 2442 - 2450 |
บทเรียนจากการปฏิวัติเอดิสัน
การปฏิวัติเอดิสันเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของความพยายามในการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศฟิลิปปินส์ แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ได้จุดประกายความหวังและแรงบันดาลใจให้กับชาวฟิลิปปินส์ที่จะต่อสู้เพื่ออนาคตที่เป็นอิสระ
การปฏิวัติครั้งนี้ยังเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความรุนแรงของสงคราม และความจำเป็นในการแสวงหาการแก้ไขปัญหาผ่านวิธีการที่ไม่ใช่ความรุนแรง